วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สีสันการเมืองพลัส+


าพบกันกับคอลัมน์พรรคสีสันการเมืองพลัส+ ซึ่งผมได้เปิดเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ บนgoogle+เมื่อวานนี้ ครับ เพื่อให้ความคิดเห็นพัฒนาการเมือง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนๆประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งจะพูดคุยเรื่องการเมืองล้วนๆอย่างเป็นหมวดหมู่ ซึ่งอนาคตอาจจะเปิดคอลเล็กชั่นใหม่ พูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องอื่นๆเช่น เศรษฐกิจ สังคม ศาสนาฯลฯเป็นต้น ในอนาคต

เรื่องการเมือง ถ้าในระบอบประชาธิปไตยแท้ๆจริงนั้นสามารถพูดคุยกันได้อย่างสะดวกเสรี ไม่ได้ห้ามพูด ห้ามคุย ซึ่งเพื่อนๆประชาชนของผมทั้งหลาย ถ้าไปจ่ายตลาดตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆตอนเช้า มักจะมี สภากาแฟ มีกลุ่มผู้คนมากหน้า หลายตา มาพูดคุยเรื่องการเมืองเรื่องสิทธิเจ้าของประเทศ อยากให้ประเทศชาติบ้านเมืองมีทิศทางอย่างไร ผ่านทางผู้แทน สส.ไปกำหนดชะตาชีวิตประเทศชาติจะเดินไปข้างหน้าแบบไหน

แต่ถ้าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ บางประเทศ ห้ามประชาชนพูด ห้ามออกความคิดเห็น บางทีถูกจับไปฆ่าทิ้งก็มี ถ้าขัดกับกฎของพรรคคอมมิวนิสต์ สื่อทีวีก็มีแต่สื่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์ช่องดียวห้ามประชาชนดูช่องอื่นซึ่งประเทศระบอบคอมมินิสต์นั้น อาจจะมีความเชื่อมีเหตุผล ทีดีเหมือนกัน....


แต่ถ้าระบอบประชาธิปไตยแล้ว ประชาชน มีสิทธิเสรีภาพ ในการพูด เขียน ออกความคิดเห็นได้ โดยไม่ขัดกับหลักกฎหมาย ล่วงละมิดกับ มโนธรรม ศีลธรรมอันดีของศาสนา ซึ่งก็คือพุทธศาสนา ที่ประชาชนชาวไทย นับถือกันเป็นส่วนใหญ่


เมื่อผมหยิบยก ทัศนะบาปเจ็ดประการของอาตมะคานธี นี้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่า ผมรู้จักเป็นการส่วนตัว เพราะคานธีนี้ ผมศึกษาชีวิตของท่านมา ท่านเคร่งครัดศาสนามาก ใช้ชีวิตสมถะ ติดดิน เรียบง่าย เข้าหาประชาชนทุกคนอย่างไม่ถือตัว คือ พราหมณ์ศาสนาดั้งเดิมของชาวอินเดีย เป็นนักต่อสู้เพื่อจนได้รับเอกราชมีอิสระจากประเทศอังกฤษ
ท่านคานธี ตาย เพราะถูกคู่อริศัตรรูยิงตาย ตั้งแต่ผมยังไม่ได้เกิดด ผซ้ำไป ตอนตายมีเงินติดตัวไม่ถึง20บาทแค่นั้นเอง จึงได้นำทัศนะบาปของคานธีเรื่องเล่นการเมืองไม่มีหลักการ ก็คือ เล่นการเมืองไม่ให้ประเทศมีบาปนั่นเอง ซึ่งก็ตรงกับพุทธศาสนา สอนไม่ให้ทำบาป นักการเมืองเล่นการเมืองไม่เป็นจะพาชาติลงนรก ไม่เฉพาะนักการเมือง ถ้าบุคคลใด ไม่มีพุทธศาสนาก็ลงนรกได้เช่นกัน

บาปเจ็ดประการทัศนะของท่านอาตมะคานธี ข้อที่1 ก็คือ
เล่นการเมืองโดย ไม่มีหลักการ พูดกันง่ายๆ เล่นการเมืองหลักของศาสนานั่นเอง เพราะคานธี เป็นนักเคร่งศาสนา นับถือพราหมณ์ ชาวอินเดีย ซึ่งเชื่อว่า มีพระเจ้าของเขา พระเจ้าศาสนาพราหมณ์คือ พระศิวะ หรือ พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ กระทั่งปัจจุบัน ปรับปรุงศาสนาใหม่ เป็นพราหมณ์ฮินดู ถือมังสวิรัติไม่กินเนื้อสัตว์ เช่น วัว ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัตว์เทพเจ้า มีนับถืองูสัตว์คล้อคอพระศิวะเทพ กันแพร่หลาย เช่น ปากิสถาน และ เนปาล ที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในรอบปีประวัติศาสตร์ ล่าสุดเมื่อ 25พฤษภาคม2558


เมื่อผมพินิจวิเคราะห์ หลักการการเมืองของคานธี สรุปก็คือ เล่นการเมืองบนศาสนานั่นเอง แต่ประเทศไทยจะหันมานับถือศาสนาพราหมณ์ เหมือน อินเดีย ก็ไม่ใช่อย่างนั้น
เพราะประเทศไทยผู้มี ศาสนาพุทธ ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเกิดหลังพราหมณ์ หลายพันปี แต่พระองค์ตรัสรู้ความจริงคือหลักกรรมของธรรมชาติ ซึ่งต่างจากพราหมณ์ ที่นับถือการบูชายัญเทพเจ้า
เพราะฉะนั้นนักการเมืองไทย ผู้ที่สนใจเล่นการเมือง จึงต้องเรียนรู้ปฎิบัติหลักของกรรมทางพุทธศาสนา ให้ดี ผมไม่ได้ว่า หรือ กีดกัน บุคคลใด นับถือศาสนาอื่นๆ เช่นพราหมณ์ อิสลาม คริสต์ อยากเล่นการเมืองไทย รัฐธรรมนูญไทย ไม่ได้ห้าม เพื่อนผมเป็นนักการเมืองชาวอิสลามบนเฟสบุ๊คก็มีเยอะ ชาวคริสต์ก็มีแยะ
 เพราะเป็นความเชื่อบางทีห้ามไม่ได้ เชื่อแล้วติด เชื่อบนเลย เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนความคิดเก่าๆของคนยาก เพราะพระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้เชื่อ ท่านสอนให้ทำให้หาความจริง ความเชื่ออาจจะผิดได้ ตามหลักกาลามสูตร เชื่อในความจริงจึงเชื่อได้ แล้วจะดับทุกข์ได้ ตามหลักอริยสัจ4
 
เขียนไปเขียนมา เข้าเนื้อหา เกี่ยวกับ ศาสนา ว่าจะให้ คือ เรื่องการเมืองล้วนๆ แต่คือ จุดเป้าหมายสำคัญสูงสุด ของการเมือง คือศาสนานั่นเอง การเมืองยังต่ำกว่าศาสนามาก ศาสนาจริง เป็นเรื่องสูง บุคคลทำศาสนาได้จึงเป็นคนใจสูงอยู่ข้างบน ไม่ตกลงสู่ข้างล่าง
นักการเมืองไทย จึงต้องศึกษาปฎิบัติศาสนาพุทธมากๆ ซึ่งผมจะเปิดคอลัมน์คอลเล็กชั่นใหม่ บนกูเกิ้ลพลัส คุยกันเรื่องพุทธศาสนาล้วนๆ ในฐานะที่เพื่อนๆประชาชนไทยของผมเป็นชาวพุทธ ซึ่งอาจจะตั้งชื่อว่า สีสันศาสนา ก็ได้ เพราะสีสันการเมืองก็มีแล้ว ต่อๆไปก็มี สีสันเศรษฐกิจ ส่วนสีสันบันเทิง หลังข่าว มีแล้วช่อง3ไทยทีวี ผมไม่ทำไม่แย่ง ให้เพื่อนสื่อทำไป เพราะเรื่องบันเทิง ความสนุกมีเกือบทุกช่องทีวีไทย ทั้งฟรีทีวี และ ดาวเทียม
สรุป เนื้อหาบทความ สีสันการเมือง นี้ ก็คือ ให้ผู้ที่คิดอยากเล่นการเมือง ไทย ให้เป็นผู้เคร่งศาสนาโดยเฉพาะพุทธศาสนา เรียนรู้และปฎิบัติศาสนา คือ ปปฎิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ตามหลักอริยมรรคมีองค์8นั้นเอง เรียนรู้เรื่องกรรม ทำกรรมอะไรไว้ ทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี มีผลกรรมบันดาลให้ผู้ทำนั้นเสมอ  กรรมนั้นเกิดจาก 3 ทาง คือ 1กรรมทางร่างกาย 2กรรม ทางคำพูด3กรรมทางมโนคือใจ
รุป เนื้อหาบทความ สีสันการเมือง นี้ ก็คือ ให้ผู้ที่คิดอยากเล่นการเมือง ไทย ให้เป็นผู้เคร่งศาสนาโดยเฉพาะพุทธศาสนา เรียนรู้และปฎิบัติศาสนา คือ ปปฎิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ตามหลักอริยมรรคมีองค์8นั้นเอง เรียนรู้เรื่องกรรม  ทำกรรมอะไรไว้ ทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี มีผลกรรมบันดาลให้ผู้ทำนั้นเสมอ  กรรมนั้นเกิดจาก 3 ทาง คือ 1กรรมทางร่างกาย 2กรรม ทางคำพูด3กรรมทางมโนคือใจ 

 

สุดท้ายของรายการสีสันการเมือง ผมอาราธนา คุณพระเจ้าพระสงฆ์ ผู้ฆราวาสบำเพ็ญปฎิบัติธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลก  บารมีในหลวง ราชินี พระบรมศานุวงศ์ทุกพระองค์ จงปกปักษ์คุ้มครองท่านเพื่อนประชาชน ผุ้อ่าน ของผม อยู่เย็นเป็นสุข ปลอดภัย จากอันตรายทั้งปวงเทอญพุทธธสวัสดี.......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น