พักนี้มีอะไรแปลกๆครับ
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คผม วันดีคืนดี รวนขึ้นดื้อๆ สงสัยจะต้องเข้าโรงซ่อม
ให้นายช่างหรือผู้เชียวชาญเรื่องซอท์ฟแวร์คอมพิวเตอร์ ตรวจซ่อม ฮาร์ดแวร์
คงจะต้องเสียเงินจ่ายคาซ่อม เนื่องโน๊คบุคtoshibaผมนี้ใช้มานานเกือบ5ปี ทั้งหน้าจอดิสเพลย์ledเสีย ทำให้อ่านอักษรที่บนจอไม่ออก
ถ้าได้เงินจากมีผู้เช่าพระบูชาเศรษฐีนวโกฎิ ที่ผมลงโฆษณาที่เฟสบุ๊ค ราคาอย่างน้อย
เท่ากับค่าซ่อมเปลี่ยนจอled ซัก5000-100000ขึ้นไป
บางทีผมอาจจะตัดสินใจซื้อโน้ตบุครุ่นใหม่บางเบา ทันสมัย ที่รองรับ ระบบwindows
รุ่นที่สูงขึ้น ซึ่งตอนนี้windows8,windows10แล้ว
Toshiba note bookของผมรุ่นนี้
ได้มาจากเงินของผู้ใจบุญ บริจาคเงินซอง ที่ยุคสมัยผมบวชพระเมื่อปี2554ซื้อมาราคา125000บ.
ขายเฉพาะเครื่องฮาร์ดแวร์ ส่วนโปรแกรม และ เพลงต่างๆไม่ได้ขาย เนื่องจาก
ทางร้านอินเตอร์เน็ตลงให้
ฟรีโปรแกรมระบบ เพราะตอนนั้นผมอัตขัดสนเรื่องเงินทอง
มีเงินไม่พอ จึงอาจ ใช้ซอท์ฟแวร์เถื่อน ละเมิดลิขสิทธิ์ จึงใช้ตามมีตามเกิด
เพราะความจำเป็นที่ใช้เครื่องสือสารกับสังคมโซเซียลมีเดีย ชาวไทยและชาวโลก
ในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร ซึ่งโดดเด่นมาก
ของเทคโนโลยี it ทั้ง สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต
ซึ่งชาวไทยคือผู้ซื้อ จากผู้ขาย คือ ชาวฝรั่งอเมริกา เช่น ยี่ห้อแอปเปิ้ลไอโฟน
ยี่ห้อซัมซุง ของเกาหลี ซึ่งแพงมาก แต่สินค้ามีคุณภาพ
ถ้าเปรียบกับคุณงามความดี ความเสียสละ ของอริยบุคคล อรหันต์หรือพระต้นโพธิสัตว์
กว่าจะเกิดขึ้นได้แต่ละท่าน ยากมาก ถ้าเปรียบกับการซื้อการขาย
นับค่าเป็นราคาไม่ได้ มีค่ามากกว่า เงินทองเพชรนิล จินดา
เป็นแสนล้านๆมากกว่าเปรียบไม่ได้เลย คือท่านมีค่ามากกว่านั้น จึงต้องทนุถนอม
ทำดีกับท่านมากๆ
วัฒนธรรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ของต่างชาติ หลั่งไหลเข้ามาประเทศไทยอย่างมาก จึงรู้สึก วัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย เปลี่ยนแปลงค่อนข้างไวมาก
ทั้งเด็ก ตามโรงเรียน นิสิตนักศึกษา
มหาวิทยาลัย ต่างต้องมี สมาร์ทโฟน มือถือ
และเครื่องคอมพิวเตอร์ติดตัวไปทุกๆสถานที่
เสมือนเป็นเงาตามตัวไปไหนก็ไปด้วย
ขาดไม่ได้
ยุคสมัยเมื่อยังไม่มีเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เข้ามา เมื่อว่างกิจการงาน ได้มาพูดคุยกัน
อย่างมีปฎิมนุษยสัมพันธ์ รู้จักอย่างมีมนุษยธรรม ทีดีจริงใจ แต่พอเทคโนโลยีเข้ามา ไม่ค่อยพูดคุยกัน
แต่พูดคุยกันทางโปรแกรมแชท ทางเฟสบุ๊ค
มือถือมีก็ไม่โทรคุยกัน ก้มหน้าก้มตา
นั่งจิ้มเดินจิ้ม ไม่สนใจพฤติกรรมของผู้คนรอบข้าง ซึ่งต่างจากผู้คนสมัยก่อนมาก
เมื่อเห็นกันมักยิ้มให้กัน ทักทายกัน สอบถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นกันเอง
เรื่องอะไรต่างๆที่พอช่วยได้ ช่วย
ถ้าไม่ผิดหลักความถูกต้อง ตามกฎบัตร กฎหมาย และศาสนาศีลธรรม
อันดีของบ้านเมือง
ผมไม่ได้ว่า
ใครต่อใคร ว่า การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ไม่ดี
บางครั้งสามารถใช้เพิ่มความสะดวก ประหยัดชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเทคโนโลยี พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ
สมมติว่า ถ้าหากจะเดินทางด้วยรถยนต์
ใช้มือถือสอบถามเส้นทางจราจรล่วงหน้าได้
โทรนัดติดต่อบุคคลสำคัญ ที่อยู่สถานที่ไกลกันได้ ทำให้งบประหยัดน้ำมัน
ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก กับค่าบริการมือถือ
แม้ว่ามีเครื่องดักฟังโทรศัพท์
อาจจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปบ้าง
ดักเอาข้อมูล ไป อาจจะไม่ถือว่า
เป็นการจับผิดพฤติกรรม
เพราะโลกยุคสมัยนี้คือสมัยกลางวัน
ยุคแห่งแสงสว่าง ซึ่งผู้คนมองเห็นกันได้ทั้งที่ลับที่แจ้ง ไม่ใช่สมัยยุคมืด กลางคืน
ที่ผู้คนไม่สามารถมองเห็นกันได้
เคยมีผู้กล่าวว่า ความลับไม่มีในโลก คงจะจริง แม้ความลับความจริง ของ
เรื่องที่ไม่มีใครเคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ก็จะค่อยถูกเปิดเผยเรื่อยๆ
แม้จะคือความลับอย่างไร มนุษย์ผู้สำเร็จ อภิญญา หูทิพย์ ตาทิพย์
ก็สามารถล่วงรู้ได้
ถ้าในสมัยพุทธเจ้า เปิดสามโลก ก็อาจจะเข้ายุคสมัยเทคโนโลยีนี้ก็จริงได้ ท่านใช้อิทธิฤทธิ์ อภินิหาร
เปิดสามโลกให้ชาวโลกเห็นในสมัยพุทธกาล
หมายความว่า โลกสวรรค์ ก็เห็นเทวดา
นางฟ้าบนวิมานสวรรค์
โลกมนุษย์ก็มองเห็นสิงสาราสัตว์
และโลกนรก ก็มองเห็นผี เห็นสาง
ถ้ายุคพระศรีอาริยะเมตไตร คือ พระพุทธเจ้ารูปใหม่
ของชาวพุทธศาสนา มาช่วยโลกแล้วหรือยัง มาหรือยังไม่มาเกิดไม่สำคัญ ยุคพัฒนาเทคโนโลยี สมัยนี้ก็เท่ากับ
เปิดสามโลก ให้ชาวโลกมนุษย์ได้เห็นก่อนล่วงหน้าแล้ว
เทวดา นางฟ้า หล่อและสวยงาม ก็มีบนโลก ต่างตนต่างมีความสุข
มีบริวารรับใช้ มี ทรัพย์สินเงินทองมาก
ไปไหนก้อไม่ต้องเหาะ มีรถยนต์เดินทางไป
มีเครื่องบินเหาะไปเหมือนนก
ส่วนโลกนรก ก็มองเห็น มีตำรวจยมบาลจับคนผีติดคุก มีความทุกข์ เพราะ
นรกแปลว่า ความทุกข์ ความเดือดร้อน
ทุกข์เพราะความเจ็บปวด เป็นไข้ไม่สบายร่างกาย พิกลพิการ
ก็คือยุคนี้แหละ กำลังเข้ายุคพระศรีอาริย์
ยุคหูทิพย์ ตาทิพย์ หูทิพย์ก็คือ
ได้ยินเสียงเทวดา คุยกับเทวดานางฟ้าได้ ได้ยินเสียงพญามัจจุราช เท่ากับ มือถือโทรศัพท์ พูดคุยกับท่านได้
คือแทบ ทุกคน ไม่ว่า
ท่านจะอยู่ในที่ลับที่แจ้ง ทำอะไรอยู่ที่ไหน พูดอะไรอยู่ที่ไหน
เขียนอะไรอยู่ที่ไหน ใจคิดอะไรอยู่ที่ไหน ไม่สามารถปกปิดทำไม่ได้ซ่อนเร้นกันไม่ได้ สามารถมองเห็นกันหมด
บางครั้งผู้มีฤทธิ์ทำได้หมด คนธรรมดาทำไม่ได้ แต่ก็เสื่อมได้ ถ้าทำบาปไม่ดีบ่อยๆ
ถ้ามีกิเลสตัณหามากขึ้น
โลกุตตระธรรม คือความสุขแท้จริง
โดยไม่มีกามคุณ ปราศจากบาปกิเลสตัณหา
จึงเทียบท่าพระเจ้าธรรมชาติแท้ๆๆๆๆคือ ระดับอรหันต์
ส่วนมากผู้มีฤทธิ์ อภินิหาร คือ
ผู่ในพระพุทธศาสนา พุทธศาสนาคือ
วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาไปในอนาคตแล้ว ที่ไม่สามารถพิสูจน์หาความจริงทันได้ พูดง่ายๆวิทยาศาสตร์ตอนนี้
ยังตามไม่ทันความจริงของพระพุทธศาสนา
นั่นเอง
ทีนี้ผม จะพูดเรื่องเทคโนโลยีล้วนๆ
ไม่พูดเกี่ยวกับมหัศจรรย์ทางจิตศาสนา
ซึ่งถ้าผมเขียนไปมากๆ คุณจะยิ่ง ตั้งแง่ ไม่เชื่อ คิดพิศวง งงงวยไปเรื่อยๆในเรื่องที่ผมเขียน
ออกมาเรื่อยๆ ผมจึงจะไม่อยากเขียน
พร่ำเพื่อ มากนัก
เพราะว่าผม ไม่เคยเรื่องเขียนแบบนี้ที่ คอลัมน์ นิตยสาร หรือ หนังสือ
ที่ไหนมาก่อน มีแต่เว็บไซด์ส่วนตัวผมเท่านั้นเอง บางทีเมื่อเรื่องมีผลตามความจริง
อาจจะทำให้เรื่องผมคือ เรื่องเหลือเชื่อ สำหรับผู้ที่คิดว่า ไม่น่าเชื่อ
ไม่น่าเป็นความจริง
กล่าวหาผมไปที่ทางในแง่ลบ
เท่าที่ผมเขียนแล้วมา
เป็นเรื่องจริงมากกว่าความจริงเสียอีก
เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ เรื่องน่าเชื่อถือ เพราะ เลยความน่าเชื่อถือไปแล้วมาก
ให้นำไปทำเถิด จะเกิดผล ความสุข สงบปลอดภัย ทั่วทั้งโลก จะมีแต่ความสุขสงบทั้งสามโลก โลกสวรรค์
โลกมนุษย์ แลโลกนรกล่าง พุทธธรรม สวัสดีครับ………..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น