วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลองทำธุรกิจไม้ดอกต้นชวนชม ปัจจุปัน ขายไม่ดีเจ๊ง ต้องการเงินต้นทุน สร้างธุรกิจใหม่ ช่วยที งานการเมืองก็ดี งานธุรกิจก็ดี งานแต่งก็ดี

ลาสิกขาพระแล้ว หลังจากขาดรายได้ไม่มีงานทำ เลยลองทำธุรจไม้ดอกชวนชมกับน้องนกที่หน้าแมคโคสาขาอุบลฯเริ่มต้นก่อร่าง สร้างธุรกิจกลางเดือนธันวาคม 55นี้แล้ว เชิญอุดหนุนครับ...




  นำข้อมูลเรื่อง  ชวนชม   มาฝาก ครับ.........


ต้นชวนชม ปลูกไว้ให้คนชมชอบ

ต้นชวนชม ปลูกไว้ให้คนชมชอบ



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย

           ต้นไม้ยอดฮิตอีกหนึ่งชนิดที่คนไทยหลายบ้านนิยมปลูกติดสวนเอาไว้ เพราะต้นชวนชมทั้งมีลักษณะที่สวยงามอ่อนช้อย ชวนชมสมชื่อ อีกทั้งยังอดทนได้ดีต่อความแห้งแล้งมาก ๆ อีกด้วย ส่วนความหมายของต้นชวนชมก็ช่างเป็นความหมายมงคลที่ชวนให้อยากสรรหามาปลูกเอาไว้ติดบ้านสักต้นสองต้นซะจริง ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาต้นไม้ติดสวนสักต้น ลองมาดูข้อมูลดี ๆ ที่เรานำมาฝากกัน แล้วอย่าลืมเก็บต้นชวนชมไว้พิจารณาด้วยนะคะ

           ต้นชวนชม มีแหล่งกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกา แถบประเทศแทนซาเนียและเคนย่า ทำให้ต้นชวนชมมีความอดทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี จนได้รับสมญานามว่า กุหลาบแห่งทะเลทราย (Desert Rose) เลยล่ะ ส่วนในประเทศไทยมีการสันนิษฐานว่าต้นชวนชมถูกนำเข้ามาตั้งแต่สมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งพระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสีองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 6 ได้องค์ทรงประทานชื่อให้เรียกภาษาไทยให้กับเจ้าต้นนี้ว่า ต้นชวนชม ตั้งแต่นั้นมา
 
 
ลักษณะของต้นชวนชม

 ลำต้น เป็นพืชอวบน้ำ ไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของกิ่งเป็นลำกลม ผิวเรียบสีเขียวอมเทา มียางใส ๆ อยู่ด้วย
 โขด มีหน้าที่ใช้สะสมอาหาร มีลักษณะบวมอยู่ใต้ดินหรือเหนือดิน
 ใบ เป็นใบแบบเดี่ยว ที่ออกตามรอบกิ่ง มีลักษณะของใบต่างกันตามลักษณะพันธุ์ เช่น ใบรูปไข่ รูปดอก เป็นต้น
 ดอก จะออกตามช่อปลายกิ่ง ประมาณ 10-20 ดอกต่อช่อ 
 ฝักหรือผล จะมีลักษณะคล้ายบูมเมอแรง สองฝักติดกัน ยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร โดยที่ปลายโคนจะเรียวแหลม
 
 ประโยชน์ของต้นชวนชม

           หลายคนเชื่อว่าการปลูกต้นชวนชมเอาไว้ในบ้านนั้นจะทำให้เกิดความนิยมชมชอบ เพราะมีชื่ออันเป็นมงคล อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่มีความสวยงามอ่อนช้อย ชวนให้มองอย่างเพลินตา ชวนให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขกับบรรยากาศสวย ๆ ของดอกชวนชมภายในสวน
 
 วิธีปลูกต้นชวนชม

           เริ่มด้วยดินที่ใช้ปลูก จะต้องเป็นดินที่โปร่งร่วน มีการระบายน้ำที่ดี เพราะต้นชวนชมเป็นพืชจากทะเลทราย มีต้นอวบน้ำ ดังนั้นจะทนในสภาพที่มีน้ำขังไม่ได้ ถ้าเจอน้ำขังต้นจะเน่าตายหมด จึงควรปลูกต้นชวนชมเอาไว้ในดินที่โปร่งและร่วยซุยเหมือนดินทราย และเติมวัสดุปรุงดินต่าง ๆ เพิ่มเข้าไป เช่น ใบก้ามปู กาบมะพร้าวสับ เปลือกถั่วลิสง แกลบดิบ และทราบหยาบ เป็นต้น เพื่อให้ดินมีความร่วนซุย โดยมีอัตราผสมหลายสูตรดังนี้

 สูตรที่ 1 ทราย, ใบไม้ผุ, ปุ๋ยคอกเก่า, ขุยมะพร้าว ในอัตรา 1:1:1:1
 สูตรที่ 2 ทราย, ขี้เถ้าแกลบ, ปุ๋ยคอกเก่า, ใบก้ามปูผุ ในอัตรา 1:1:1:2
 สูตรที่ 3 ดิน, แกลบผุ, ปุ๋ยคอกเก่าล กาบมะพร้าวสับ ในอัตรา 1:2:1:1

 วิธีการดูแลรักษา

 การให้น้ำ

           เนื่องจากเป็นต้นที่อวบน้ำ ดังนั้นการให้น้ำต้นชวนชมจึงต้องให้น้อย ๆ แต่ถ้าเป็นต้นชวนชมขนาดใหญ่ ควรรดน้ำวันละครั้ง ทั้งนี้ ต้นชวนชมถ้าขาดน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ ก็สามารถทนได้ แต่ต้นจะนิ่ม เมื่อให้น้ำกลับมาอีกครั้งก็จะแตกใบขึ้นมาอีกครั้ง

 การให้ปุ๋ย

           ต้นชวนชมไม่ต้องการปุ๋ยมาก ดังนั้นปุ๋ยที่ให้ควรเป็นปุ๋ยที่มีเลขหน้าสูง เช่น 15-5-5 หรือ 15-15-15 ทุก 2 สัปดาห์ นาน 1-2 เดือน แต่ถ้าหากต้นพร้อมออกดอก ก็ใช้ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ทุก 2 สัปดาห์ นาน 1-2 เดือน
 
 การขยายพันธุ์

 การปักชำ วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด สามารถทำได้ทุกเวลา แต่เวลาที่เหมาะสมที่สุด คือก่อนและหลังฤดูฝน (พฤษภาคม - มิถุนายน และ พฤศจิกายน - ธันวาคม) ผลที่ออกมา ต้นใหม่จะเหมือนต้นเดิมทุกอย่าง
 
 การเสียบยอด การนำยอดชวนชมเสียบกับต้นตอชวนชม เพื่อเปลี่ยนยอดของพันธุ์เดิมสู่พันธุ์ใหม่ตามยอดที่เสียบ อย่างไรก็ตาม ยอดที่นำมาเสียบจะไม่กลายพันธุ์แต่อย่างใด แม้ว่าจะยุ่งยาก แต่ต้นชวนชมที่อยู่ในกระถางก็จะใช้วิธีการเสียบยอด
 
 การตอนกิ่ง จะเลือกกิ่งที่ไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป ตอนแบบปาดกิ่งแนวเฉียง ลึกไปถึงกึ่งกลางของกิ่ง จากนั้นก็ใช้ไม้จิ้มฟันค้ำที่รอยปาด ไม่ให้แผลติดกัน รอจนแผลแห้งราว 7 วัน ก็ใช้กาบมะพร้าวหรือดินหุ้มรอยแผลเอาไว้ แล้วรออีก 20-30 วัน เพื่อให้กิ่งตอนออกราก ก็ตัดกิ่งตอนไปปลูกต่อ
 
 การเพาะเมล็ด ใช้เมล็ดใหม่ที่สมบูรณ์ ไม่ลีบ จะมีโอกาสการงอกของต้นที่สูงกว่า ซึ่งวิธีการโรยเมล็ดพันธุ์ ควรโรยบนวัสดุเพาะ ให้กระจายเท่า ๆ กัน ให้ภาชนะถูกแสงแดงรำไร รดน้ำยาป้องกันเชื้อราเล็กน้อย รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ราว 3-7 วัน กระทั่งเมล็ดงอกเป็นต้นอ่อน และเมื่อต้นชวนชมมีอายุประมาณ 1-2 เดือน ค่อยย้ายไปปลูกในกระถาง





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แม่อาตมาสันจะขายที่นาไปสร้างบ้านหลังใหม่

ประกาศขายที่นา ที่หมู่บ้านคูขาด อ.เขื่องใน จ.อบลฯ34150

  โยมแม่อาตมาสันเอง ท่านเป็นแม่ค้าขายอาหาร ที่ตลาดหนองบัว ในเมืองอุบลฯ
เนื้อที่ 12 ไร่ เพื่อทำกิจการ ร้านจำหน่ายวัสดุภัณฑ์การเกษตร ทุกชนิด คาดว่าใช้เงินจำนวนหลายล้าน

   และปลูกสร้างบ้านหลังใหม่บริเวณที่นา อาตมาบางที ลาสิกขาไปช่วยโยมแม่ทำนา  ต้องใช้เงินซื้อรถคูโบต้า และ เครื่องมือทุ่นแรงครบวงจร ได้ยินข่าวโฆษณาทางทีวี มีบริษัท ทอซ คนทำนา

ปลูกข้าว ผลิตอาหารเลี้ยงคนทั่วโลก

   สนใจติดต่อ อาตมาสัน 0885830096  หรือ แม่สุพรรณ วรบุตร 0833751934หรือคุณนก  ด่วน

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติอาตมาธัมมะทีโป ตอน3


ปี2554บวชพระบ้าน สายมหานิกาย

   เจ้าอาวาสพระครูโสภณขันติธรรม เป็นพระอุปปัชฌาย์ซึ่งเป็นเครือญาติ ของอาตมา เอง  บวชที่วัดบ้านคูขาด อ.เขื่องใน จ.อุบลฯ ตรงกับวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้า เมื่อวันที่17พค.2554 ได้ฝึกปฎิบัติธรรมพอสมควร แต่มีศาสนกิจช่วยประชาชน ชาวบ้านมาก แทบไม่มีเวลานั่งภาวนา เลย
   
เรื่อง ศาสนากิจโปรดสัตว์ ช่วยญาติโยมพุทธบริษัท นี้ อาตมาทำได้ช่วยตามเหตุตามปัจจัยสนับสนุน ซึ่งศาสนาวัฒนธรรมเข้าไปเกี่ยวข้อง 1ในภารกิจหน้าที่พระคือการบิณฑบาตร เป็นกิจวัตรหน้าที่พระ ไม่ใช่พระไปเที่ยวขอปัจจัย อย่างที่โยมเข้าใจผิด
     
   พุทธบริษัท หมายถึง อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ ภิกษุณี เมื่อถึงแก่กรรม พระสงฆ์มีหน้าที่เกี่ยวข้องสวดมาติกา ส่งชื่อวิญญาณขึ้นจากนรกสู่สรวงสวรรค์แต่จะขึ้นได้ ตามบุญตามกรรมตาม เพราะทำบุญสามารถติดตัวไปได้เมื่อตายเท่านั้น     ซึ่งความเชื่อประเพณีนิยมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุปันก็ยังมีอยู่         
    
     แต่ในความคิดของอาตมาสัน     พุทธบริษัท ไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่เลย      มางานเพียงพอเป็นพิธี       พระสวดภาษาบาลี คนฟังไม่รู้เรื่อง พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าสอนอะไรกัน      แถมสังคมโลกส่วนมากมีแนวคิด    ให้ชาวโลกพูดภาษาอังกฤษได้    ซึ่งขัดไม่สอดคล้องกับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก   และชาวไทย         มีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ    ใช้ภาษาไทย  เป็น  ภาษาชาวโลก         ไม่ดีกว่าเหรอแม้แต่ฝรั่งชาวต่างชาติบางประเทศ   ยังนิยมพูดภาษาไทย  เอาแค่ใกล้ๆประเทศไทย    อย่างจีน แผ่นดินใหญ่ ยังนิยมเรียนภาษาไทยกัน    อย่างแพร่หลายแล้ว….
    
     ศาสนพิธีศาสนาธรรมต่างๆพระสงฆ์ควรละเว้นภาษาบาลี คนไทยฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเป็นส่วนมาก พูดใช้ภาษาไทยมากๆ จะพัฒนาพุทธศาสนาไทยได้มากไม่ดีกว่าเหรอ..

    หน้าที่พระสงฆ์คือช่วยนำคำสอนพระพุทธเจ้า มีในพระไตรปิฎก ที่พระอานนท์บันทึกจดจำคำสอนได้มากที่สุด มาเผยแพร่คำสอนอบรมประชาชนชาวโลกต่อ สนับสนุนพระนักเทศน์ให้มากขึ้น ที่สามารถสอนตนเองได้แล้วไปสอนคนอื่น  โรงเรียนมหาวิทยาลัยทุกๆแห่ง   มุ่งเน้นไปทางการเรียนปฎิบัติการทางพระพุทธศาสนา
    
    แต่ปัจจุปันคนไทยมักเล่นการเมือง แอบอ้างเสียงประชาชนข้างมาก โดยบางทีไม่ชอบธรรม เนื่องจากการซื้อสิทธิขายเสียง การเลือกตั้งทุจริต ไม่ยุติธรรมตกต่ำ กม.มาตรฐานต่ำ พอใช้อำนาจไม่เป็นธรรมก็เลยมีบาป เพราะคนไร้มโนธรรม ทางพระพุทธศาสนามีมาก    ประชาชนส่วนใหญ่ถูกอำนาจนักการเมืองไม่เป็นธรรม บีบคั้น ข่ม ไม่สนใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างจริงๆจังๆ

 นักการเมืองแท้ๆจริง ต้องซื่อสัตย์ ซื่อตรง กับ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์....
        
   ซึ่งนับวัน ประชาชน ไม่เข้าวัดมากขึ้น      บางแห่งกลายเป็นวัดร้าง แต่พอห้างสรรพสินค้า แหล่งธุรกิจ แสงสี อบายมุขต่างๆ สนามฟุตบอล เวทีมวย การพนัน กลับมีผู้คนแออัดยัดเยียด
      
   แม้แต่อาตมา มีโครงการเป็นครูสอนพุทธศาสนาทางไปรษณีย์ ยังมีผู้คนสนใจน้อย        ไปเป็นผู้ทำรายการธรรมะไม่ค่อยมีคนฟังนำไปทำไปปฎิบัติ          มีแต่เพลงและโฆษณาสินค้า  คลื่นสถานีรายการธรรมะไม่ได้รับการสนับสนุน  ส่วนมากมีแต่คลื่นสถานีเพลงเต็มพรืดไปหมด  ฟรีทีวีก็เหมือนกัน    มีรายการธรรมะสอดแทรกนิดหน่อย  นอกนั้นคือเรื่องธุรกิจ การเมือง กีฬา ดนตรี แฟชั่น บันเทิง ภาพยนตร์ แหล่งกิน แหล่งเที่ยวเตร่สนุกสนานเฮฮา กลางค่ำกลางคืน

  อาตมาไม่มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ขึ้นอยู่กับมโนธรรม สำนึก ของผู้ทำหน้าที่ต่างหากหละช่วยกันเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย กระทั่งเด็ดขาด  ทำอย่างตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ต่ออาชีพ มีอุดมการณ์อุดมธรรมสอดแทรกทุกๆอาชีพเป็นต้น…..

    ผู้คนสนใจการเมืองอะไร กันมากมาย แต่ละแห่งเวที ไปแทบสนามแตก อาตมาเคยเห็นภาพข่าวในทีวี  ประชาชนพรรคการเมืองเข้าไปฟังการปราศรัยในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ได้สนใจพระพุทธศาสนาเลย….

   ตัวศาสนาจริงๆนั้นอยู่สูงกว่าการเมือง การเมืองและนักการเมืองควรเป็นนักการเมืองแท้ๆ มีพระพุทธศาสนาในหัวใจ ที่เป็นธรรมมีความยุติธรรมสูง  ละกิเลส คือไม่มี ความอยาก คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ความยึดติด ยึดถือ ทิฐิมานะ ความถือตัว ได้หมด

   แม้มีนักศาสนาบางคน เสนอ นักการเมืองลดเงินเดือนให้น้อยลง ก็ต้องยอม คือเข้ามาเสียสละผลประโยชน์ ไม่ได้มาแสวงหาผลประโยชน์    ถ้าท่านผู้อ่านไปฟังแนวคิดของสมณะโพธิรักษ์ จะรู้เรื่องดี


  เพราะฉะนั้นพระศาสนาจะช่วยสังคมชาวโลกได้ ก็คือ ชาวโลกต้องนำพระศาสนาไปปฎิบัติ  เท่านั้นไม่มีทางอื่นเลย….และพยายามหยุดยั้งใจ ไม่ให้มีกิเลสฝ่ายต่ำบงกา
  
    ชาวพุทธ หาวัดสถานที่ปฎิบัติธรรมดีดีเงียบๆสงบ พูดน้อย กินน้อย ปฎิบัติให้มากๆเพราะแรกๆอาตมาบวชเสร็จ จะขออนุญาตย้ายไปปฎิบัติธรรมเงียบๆที่วัดป่า แต่พอพูดกับเจ้าอาวาสกลับไม่ค่อยพูดด้วย พอถามทีก็เงียบ     แม้แต่เอ่ยทำใบสุทธิก็ไม่พูดด้วย กระทั่งปัจจุปัน อาตมาไม่ได้พกใบสุทธิพระ คือ ใบรับรองจากเถรสมาคมคือนักบวชพระ

     อาตมาก็เลยคิดว่าทุกวันนี้ อาตมาเป็นพระเถื่อน ไปไหนมาไหน เจอตำรวจ มาขอตรวจพระ จะเอาหลักฐานอะไรให้เขาดูเล่า เพราะมีข่าวทางบ้านเมืองว่ามีคนต่างด้าวบวชเป็นพระก็มี  ตำรวจ อาจจะจับอาตมาโทษฐาน ไม่พกไม่มีใบสุทธิพระ ถ้าจะตรวจอาตมาก็ให้ดูแต่บัตรประชาชนแค่นั้นแหละโยม เพราะอาตมาเป็นประชาชนราษฎรชาวไทยเต็มขั้น….



อยู่ได้ด้วยธรรม

    ออกพรรษาปี 2554 เสร็จ เริ่มออกจากวัดบ้านคูขาด ที่อาตมาบวช เพราะทนไม่ไหว ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน2555 มาเยี่ยม ท่านสมณะโพธิรักษ์ มาฉันอาหารมังสวิรัติกับท่าน เพราะที่วัดอาตมาไม่มีกิน

   ชาวบ้านมักทำอาหารปาณาติบาตร เนื้อสัตว์ ปนสารเคมี บางอย่างทำลายสุขภาพ พอไปพูดโยม   ก็กล่าวหาอาตมาว่า อาตมาด่า ไม่เชื่อฟังเหตุฟังผลอาตมาเลย   เพราะบาปร้อนตกต่ำขึ้นอยู่กับคนทำ คนจะดำเมื่อทำผิดศีล5 ศีลกุศลกรรมบท10 ทั้งหลาย   อาตมาก็เลยเฉยๆ   
    
  อาตมาจึงเลือกฉันเฉพาะอาหารปลอดสารพิษ  เพราะตั้งแต่ฉันอาหาร เนื้อสัตว์ สุขภาพร่างกายอาตมา อ่อนแอ มักมีโรคภัยพาลเบียดเบียน บางครั้งรู้สึกหายใจรวยรัน หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหมือนรู้สึกเหมือนคนใกล้ตายแล้ว รู้สึกทรมาน ทรกรรมมาก บางทีก็คิดอยากตายไปจากโลกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย  อยู่ไปก็ทุกข์ทรมาน  กับมายาไสยไถ่ สิ่งแวดล้อมต่างๆใกล้ตัว…..

     ที่อยู่ได้ก็เพราะธรรม มีอุปสรรคปัญหาต่างๆมารุมเร้า ใครจะว่าอาตมาเป็นพระบ้า พระอวดดี  อวดเก่ง จองหอง อยากเด่น อยากดัง หรือ อะไรต่างๆ ใครจะว่าก็ช่างเขาเถิด จะขู่ บีฑา กลั่นแกล้ง อาตมาไม่สนใจ ทั้งสิ้น
    
   อาตมาเชื่อมั่นคำสอนพระพุทธเจ้าครูบาอาจารย์ ธรรมะนั้นย่อมรักษาผู้มีธรรมะ ใครทำบาปไม่ดีกับพระกับเจ้าผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ละแล้วซึ่งกิเลส เขาพวกนั้น จะได้รับโทษบาปกรรมเร่าร้อนของเขาเอง  เท่าทุกวันนี้อาตมามีธรรมะ


   หลักความเพียร คือ หลัก ปฎิบัติบูชา ที่พุทธองค์สรรเสริญ
มีอยู่เพียง 2 ประการ  ได้แก่
1.เพียรละบาปอย่างเต็มความสามารถ
2.ให้เพียรสร้างบุญสร้างกุศล  ทำให้มากๆยิ่งทุกข์มากยิ่งทำ  ทำให้จิตใจมองเห็นว่า  อ้อนี่แหละบุญ  ผลคือ ความสบายความสุขใจตามมา
  พระพุทธเจ้า ตรัส  ว่า ท่านทั้งหลาย อย่ากลัวบุญเลย  นักภาวนา  ถ้าหากทำได้ทำมากๆ  เจริญมากๆ   บุญกุศล บ่อยๆย่อมได้  อานิสงค์แห่งภาวนาย่อมปรารถนาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน  ขออย่างไรเดียว  ให้มันจริง   ทำให้จริงๆสักทีเถิด


ไปหาง่าย ใจดี มีเมตตา      

ปัจจุปัน อาตมาสัน แวะมาเยี่ยมหลวงพ่อชิน ที่วัดป่าขามใหญ่ ต.ขามใหญ่ .เมือง .อุบลฯ ได้เอ่ยปากชวนอาตมาอยู่เป็นเพื่อน ที่กุฎิสีเขียว ทิศตะวันออกของวัด อาตมามักอยู่กับที่นานๆไม่ได้ จึงคิดว่าอยู่เพียงระยะหนึ่งพอ แล้วจะไปอยู่ที่อื่นทั่วไทย…..
 

   อาตมา แม้จะมีหน้าที่การงานมากก็จริง ทั้งทำรายการเผยแพร่ธรรมะสถานีวิทยุและอินเตอร์เน็ต เขียนหนังสือ และ มีกิจนิมนต์ของญาติโยม ชาวพุทธ ก็พอมีเวลาสนทนาธรรม เพื่อให้คำแนะนำญาติโยมได้ สังคมสาธารณะประเทศไทย ทั้งทางเว็บไซด์www.facebook.com/sanwonder    และ www.buddhadooddle.blogspot.com
   
   แต่งานอันเป็นภารกิจที่สำคัญจะสำเร็จได้ ก้อต้องอาศัยแรงศรัทธา ของประชาชนชาวไทย และ ชาวโลก ที่จะช่วยสนับสนุน ภารกิจสำคัญนี้เพื่อให้พระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งของชาวโลกเย็นด้วยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า นำไปทำให้เกิดผลอย่างแท้จริง……

 โครงการ ที่อาตมาสันทำในปัจจุปัน

แจกCDเสียงธรรมตายแล้วไปไหน จากนิตยสารโลกทิพย์ ของพระสันติชัยธัมมะทีโป จำนวนตอนที่ 1 - 55 จากประสบการณ์จริงของประชาชน ทั่วประเทศไทย ที่เกิดขึ้นจริง โดยทางผลของกรรมของตนโลกทิพย์ ปัจจุบันท่านบวชตลอดชีวิตที่ ณ วัดป่าศรีถาวรนิมิต จังหวัดนครนายก จึงขอกราบลาและขอขมาทุกๆ ท่านที่ได้เคยล่วงเกินทั้งทาง กาย วาจา ใจ ขออโหสิกรรมต่อกันและกันด้วยเทอญ คะนอง เนินอุไร ( อานนท์ , นิโรธ ) ทั้งนี้ ผู้รวบรวมขออนุโมทนาบุญ จากเสียงของท่านเผยแผ่ให้ผู้สนใจในธรรมได้ใช้ประโยชน์ กับเสียงธรรม สืบไป เสียงธรรมตามแล้วไปไหน สามารถขอรับได้โดยส่งแผ่น CDR จำนวน 1 แผ่น



1.หรือระบุต้องการเรียนพุทธศาสนาฟรีทางไปรษณีย์ แจ้งความจำนงสมัครโดยตรงกับอาตมา เพื่อทราบจำนวนผู้เรียนจบมีใบประกาศนียบัตรให้

2.อบรมคอร์สฝึกปฎิบัตธรรม แจ้งชื่อปฎิบัติธรรม ด่วน.....







มาที่ พระสันติชัย ธัมมะทีโป วัดบ้านคูขาด ต.หนองเหล่า อ.เขื่องใน จ.อุบลฯ (CD. เสียงตายแล้วไปไหน) พร้อมจดหมายชื่อผู้รับติดแสตม์ 6 บาท มาด้วย .... สำหรับหน่วยงานราชการ หรือโรงเรียนใดที่สนใจต้องการเพื่อการเรียนการสอนแก่เยาวชน และเรียนรู้ฟังพระธรรมคำสังสอนของพระพุทธเจ้าได้ตลอดเวลา ขอให้ระบุให้ชัดเจน โดยทางผู้จัดทำจะจัดส่งให้ฟรีให้ท่านครับ (เฉพาะหน่วยงานราชการและวัดต่างๆทั่วประเทศ) หรือบริจาคทรัพย์สนับสนุนโครงการได้ตามกำลังศรัทธา ทางบริการทางการเงินปัจจัยต่างๆ

  งานอาตมาสัน ปัจจุปันเป็นครู ช่วยสอนพุทธศาสนาในโรงเรียน บ้านคูขาด อ.เขื่องใน จ.อุบลฯ
ที่อยู่ปัจจุปัน
นายสันติชัย วรบุตร
บ้านเลขที่295ม.15หมู่บ้านนาคำ ต.ขามใหญ่ อ.เมือง  จ.อุบลราชธานี 34000
tel.0885830096

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติธัมมะทีโป ตอน2


  การศึกษา

  
  การศึกษา เล่าเรียนเขียนอ่าน ตั้งแต่ระดับโรงเรียนและวิทยาลัย ก็ยัง สนุกสนานไปตามวัย ทั้งกินเที่ยว เสเพลกับ เพื่อนฝูง ไม่คิดอยากบวชพระแต่อย่างใด

อาตมาเรียน หนังสือ ครั้งแรกชั้นประถม ก็เรียนอย่างลำบาก อัตขัต เงินทอง เพราะพ่อแม่อาตมา เป็นผู้ที่มีฐานะยากจน เกือบถือว่าหาเช้ากินค่ำก็ว่าได้
  อาตมาเป็นคน เรียนหนังสือไม่เก่ง สมัยก่อนการวัดผลการศึกษา เป็นเลขที่อันดับไม่ใช่เป็นเกรดสมัยปัจจุปัน  อาตมาสอบได้เลขอันดับท้ายๆเสมอๆของชั้นเรียน
  
ตอนอาตมาเรียน ย้ายโรงเรียนบ่อย เพราะเรียนโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมแพง จึงย้ายมาโรงเรียนรัฐบาล และเรียนต่อวิทยาลัยเทคนิค ทางวิชาชีพช่าง และ จบวุฒิกาศึกษาสูงสุดแค่ ระดับ  ปวสแค่นั้นเอง  ซึ่งอาตมาเดินทางไปเรียนต่อที่ กรุงเทพมหานคร เป็นครั้งแรกที่อาตมาไปเรียนไกลบ้านมากที่สุด....

ครั้งแรกที่ได้เรียนการศึกษาวิชาทหาร ของกองทัพ




คือ ขณะเรียนระดับปวส. ที่เซนต์จอห์นเทคนิคกรุงเทพ ได้สมัครเรียน วิชาทหาร ของกองทัพบก โดยเป็น กองทหารสำรอง หรือ รด  สมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ    เป็นผบทบ.และพล อ.วิโรจน์  แสงสนิท เป็นเจ้ากรมทหาร รด. สมัยนั้น ความคิดของอาตมาเรียนรด.นั้น ได้ยินเพื่อนๆอาตมาพูดได้ยินว่า เรียนรด.จบปี3แล้ว ไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร อาตมาก็ยังสงสัยเหตุผลอยู่ ไม่เกณฑ์แล้วจะเกิดอะไรตามมาเล่า..คิดว่าเรียนก็เรียน สนุกดีมีเพื่อนมากขึ้น พอไปเรียน รด. ได้ซึมซับ ชีวิตทหาร แต่ยังไม่ถึงกับออกสนามรบ สนามสงคราม
  
เรียน รด.ฝึกความอดทน ร่างกาย มีระเบียบวินัย รู้จักรับผิดชอบ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  
 ตอนอาตมาฝึก รด.ตั้งแต่ รด.ปี1ถึงปี5 ฝึกหนักหลายอย่าง ตามหลักสูตร วิชาทหาร ปีสุดท้าย ได้ฝึกเดินป่า ขึ้นเขาลงเขา ระยะทางมากว่า 50 กม. ภูเขามากกว่า4-5ลูก  อาตมามานั่งทบทวนอดีต ไม่รู้ผ่านมาได้อย่างไร เพราะแต่ละปี มีคนสูญเสียชีวิตในการฝึกทุกปี มาจนกระทั่งเรียนจบสูงสุด รด.ปีที่5 ติดยศ ว่าที่ ร้อยตรี ของกองทัพบก มากระทั่งทุกวันนี้

ประวัติการทำงานทางโลก

        และพอเรียนจบได้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนหลายแห่งที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่งานต่ำต้อยติดดิน เป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์รับส่งเอกสาร ท่ามกลางแดดร้อน ฝุ่น และ ควันพิษ คราคร่ำด้วยควันท่อพิษไอเสีย ของเมืองกรุงสมัยนั้น ซึ่งพอจบมา อาตมาไม่ได้ทำงานช่างตามเรียนมา นานหลายปี   และ  ก็กว่าจะได้งานตรงกับที่เรียนมา เปลี่ยนที่ทำงานมาเกือบ5แห่ง

    สุดท้ายทำงานที่บริษัทเครือ ซีพี ที่กรุงเทพฯและขณะเดียวกัน ได้สมัครอุดมการณ์ อาสาปลูกคุณธรรม กับ สภาชาวพุทธ โลกทิพย์ มีพอ.ปิยะพล  อจลพล เป็นประธานอบรมปฎิบัติธรรม จริยธรรมแก่สังคมชาวพุทธประเทศไทย ตามแนวทางพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นทั้งครูอาสาสอนพุทธศาสนาทางไปรษณีย์ และอบรมคอร์สปฎิบัติธรรมแก่สังคมทั่วไป ก่อนกลับบ้านเกิด เพราะรู้สึกอยากบวชพระอีก
  
    พอกลับบ้านถึงจังหวัดอุบลฯ เนื่องจากทางบ้าน คือน้องสาวส่งข่าว บิดาของอาตมาป่วยหนัก จวนเสียจวนไป และได้กลับมาดูแลบิดา จนกระทั่งบิดาจากไป ได้บวชเป็นเณรหน้าไฟ งานศพบิดา อุทิศบุญการบวชให้บิดาผู้ล่วงลับไป แล้วก็ลาสิกขาจากเณร
   พออยู่จังหวัดอุบลฯระยะหนึ่ง ยังไม่ได้บวชพระ แต่ใจอาตมายังคิดบวชพระอยู่ตลอดเวลา ได้ช่วยงานโยมแม่ทำงานค้าขายอาหาร ที่ตลาดหนองบัว และ ช่วยเลี้ยงวัว เลี้ยงเป็ด ไก่ และหมา ทางครอบครัว   บางครั้งอาตมาไปอาสาสมัครช่วยสังคมต่างๆกับ สมาคม รวมมิตรคิดทำ ของสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จ.อุบลฯ  ระยะหนึ่ง  และยังเป็นผู้บริจาคโลหิตประจำกับสภากาชาดไทย จ.อุบลฯ และ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งมีส่วนทำงานพัฒนาช่วยประเทศ แต่อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ลงสมัครผู้แทนแม้แต่ครั้งเดียว …..

 

บำเพ็ญบุญเป็นผ้าขาวอุบาสก พุทธมามกะที่ดีของพุทธศาสนา

 
 ขณะทำงานช่วยโยมแม่ และ อาสาทำงานช่วยสังคม เวลาเดียวกัน ก็บำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา เป็นพุทธมามกะ ศาสนาพุทธ เมื่อทางวัดประจำจังหวัด จัดงานปฎิบัติธรรมประจำปี คือ งานอาจาริยบูชา หลวงพ่อชา แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ ช่วงเดือน มกราคมของทุกปี อาตมา มักเข้าร่วมทุกปี ติดต่อกันเกือบ20กว่าปีแล้ว และ ที่วัดป่าขามใหญ่ พระอาจารย์สมภพ หลวงพ่อชิน อาตมาเดินทางมาบำเพ็ญบุญทุกปี และท่านสมณะโพธิรักษ์แห่งบ้านราชธานีอโศก จ.อุบลฯ ได้รู้ความจริงเรื่องบาปบุญ เจริญธรรมในพระพุทธศาสนามากๆขึ้น......

แนวทางธรรม
   
    ท่านผู้อ่านที่เคารพ อย่างที่ได้กราบเรียนไว้แต่แรกแล้วว่า อาตมาสัน เทศน์ไม่ค่อยเป็น แม้แต่คำสวดมนต์พิธีบางมนต์ ยังสวดไม่ได้เลย..และเขียนหนังสือไม่เก่ง แทบทุกอย่าง อาตมา ไม่เก่งเลย  แต่ถ้าพอฝึกหัดทำวิชาหลายๆอย่าง อาตมาก็พอทำได้ แต่ว่าใครอยากได้ธรรมะ  ไปฝึกหัดปฎิบัติตนให้มีความสุขทางธรรม ก็ถามอาตมาได้  เพราะอาตมามุ่งเน้นปฎิบัติภาวนาละกิเลสโดยตรง  ท่านผู้อ่านที่สนใจในธรรม   ย่อมไม่ผิดหวังหรอก
   

   อาตมา เคยอยู่กับครูบาอาจารย์มาหลายรูป เคยฝึกหัดกัมมัฎฐาน  มานานแต่ละรูปก็เป็นนักภาวนาทั้งนั้น เมื่อครั้งอาตมา ทำงานบริษัท ที่กรุงเทพฯ เคยฝึกปฎิบัติธรรมกับพระอาจารย์มหาถาวร วัดปทุมวนาราม ฝึกมโนมยิทธิ กับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี  แม้กระทั่งสายวัด หลวงพ่อสด วิชชาธรรมกายเป็นต้น 

    ท่านบอกแนวทางธรรม คือ ทาน ศีล ภาวนา ตามหลักไตรสิกขา ปฎิบัติให้มากรู้จริงมาก บางครั้งอาจเกิดฤทธิ์อภิญญา ได้ทิพย์ตาทิพย์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการปฎิบัติธรรมเมื่อได้ญาณซึ่งทำได้เป็นบางคนถ้ามีบุญเก่า    เคยฝึกมาก่อน่อดีตชาติ    เพราะคนชาวโลกทุกคน ไม่ได้เกิดเป็นตายแค่ครั้งเดียว     แต่เกิดหลายครั้ง..
  
    ครูบาอาจารย์ที่ไปอยู่ด้วยหรือ ได้ฟังเทปธรรมะของท่านก็มีแนวทางให้รู้อริยสัจจ4 รู้ทุกข์รู้ดับทุกข์ที่มีจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน ทั้งสิ้น ให้พูดน้อย ๆหรือ ไม่พูดเลย บางองค์เป็นเดือนจึงมีโอกาสพูดกันได้  เอาแต่มองหน้ากัน และยิ้มน้อยๆให้กัน    นำคำสอนไปปฎิบัติ เวลาทั้งหมดส่วนใหญ่หมดไปเพราะฟังเทศน์และการภาวนา
    
  คงป็นเหตุนี้เอง  ที่อาตมาอาจจะไม่สามารถเทศน์หรือสวดมนต์ยาวๆให้ใครฟังได้  ถ้ามีใครมานิมนต์ให้แสดงธรรมโอ้โฮ้  ทำท่าจะปวดหัวเป็นไข้ คงจะหายใจวาย สั่นรัว ทำท่าจะตายเอาดื้อๆ อาตมาไม่ค่อยเป็นเลย
      อาตมามักอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ปฎิบัติภาวนาล้วนๆอาตมาเป็นทางภาวนาอย่างเดียว อาจสอนคนอื่นให้รู้ตามความจริงไม่ได้   ครูบาอาจารย์ที่ไม่พูดก็มี ที่พูดเก่งก็มี สวดมนต์เก่งก็มี สวดมนต์ไม่เก่งก็มี และเป็นนักเขียนหนังสือไม่เก่ง แทบทุกอย่าง อาตมา ไม่เก่งเลย  แต่ถ้าพอฝึกหัดทำวิชาหลายๆอย่าง อาตมาก็พอทำได้ ขึ้นอยู่กับบุญเก่า บารมีเก่า ดังนั้นขอให้ท่านผู้อ่านโปรดแยกแยะให้ดีให้ถูกต้อง.


  อยู่สบายถ้าใจรับ  ดับไฟบาปกิเลสเป็น
  
    อาตมาสัน บวชพระครั้งแรกเมื่อปี2537 เนื่องจากลางานจากบริษัท ที่กรุงเทพฯ สายธรรมยุติ จึงได้รู้วัฒนธรรม พระป่าครั้งแรก สายวัตรปฎิปทา หลวงปู่มั่นภูริ ทัตโต นุ่งห่มจีวรสีแก่นขนุน ฉันอาหารมื้อเดียว นอกนั้นตอนเย็น ฉันเพียงน้ำปานะ พร้อมกันนั้นเรียนจบนักธรรมตรี ของมหาเถรสมาคม จบแล้วปฎิบัติธรรม มีความสุขเย็น สงบสุขพอสมควร เหมือนชีวิตหลุดโลกนี้ ไปอยู่อีกโลกหน้ายั้งงั้น
   
   คนไม่เคยบวชพระเป็นอย่างไร อาตมาก็ไม่สามารถบอกได้เป็นอย่างไร เหมือนคนอยากเป็นปลา ต้องเป็นปลาก่อนจึงรู้ได้ อยู่ในน้ำเย็นๆมีความสุขอย่างไร ต้องปฎิบัติศีล ภาวนาได้   จึงจะมีความสุขสำเร็จได้  ทำไม่ได้  ก็เกิดทุกข์ให้ไฟบาปกิเลสเผารน  อยู่ทุกเวลาเท่านั้นเอง เพราะทำผิดศีลทุกเวลา เกิดมาต้องเรียนรู้ศีล เรื่องบาปเรื่องบาปกิเลส และดับไฟบาปกิเลสเป็น ใจจึงจะเป็นสุขตลอดเวลา