วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติธัมมะทีโป ตอน2


  การศึกษา

  
  การศึกษา เล่าเรียนเขียนอ่าน ตั้งแต่ระดับโรงเรียนและวิทยาลัย ก็ยัง สนุกสนานไปตามวัย ทั้งกินเที่ยว เสเพลกับ เพื่อนฝูง ไม่คิดอยากบวชพระแต่อย่างใด

อาตมาเรียน หนังสือ ครั้งแรกชั้นประถม ก็เรียนอย่างลำบาก อัตขัต เงินทอง เพราะพ่อแม่อาตมา เป็นผู้ที่มีฐานะยากจน เกือบถือว่าหาเช้ากินค่ำก็ว่าได้
  อาตมาเป็นคน เรียนหนังสือไม่เก่ง สมัยก่อนการวัดผลการศึกษา เป็นเลขที่อันดับไม่ใช่เป็นเกรดสมัยปัจจุปัน  อาตมาสอบได้เลขอันดับท้ายๆเสมอๆของชั้นเรียน
  
ตอนอาตมาเรียน ย้ายโรงเรียนบ่อย เพราะเรียนโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมแพง จึงย้ายมาโรงเรียนรัฐบาล และเรียนต่อวิทยาลัยเทคนิค ทางวิชาชีพช่าง และ จบวุฒิกาศึกษาสูงสุดแค่ ระดับ  ปวสแค่นั้นเอง  ซึ่งอาตมาเดินทางไปเรียนต่อที่ กรุงเทพมหานคร เป็นครั้งแรกที่อาตมาไปเรียนไกลบ้านมากที่สุด....

ครั้งแรกที่ได้เรียนการศึกษาวิชาทหาร ของกองทัพ




คือ ขณะเรียนระดับปวส. ที่เซนต์จอห์นเทคนิคกรุงเทพ ได้สมัครเรียน วิชาทหาร ของกองทัพบก โดยเป็น กองทหารสำรอง หรือ รด  สมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ    เป็นผบทบ.และพล อ.วิโรจน์  แสงสนิท เป็นเจ้ากรมทหาร รด. สมัยนั้น ความคิดของอาตมาเรียนรด.นั้น ได้ยินเพื่อนๆอาตมาพูดได้ยินว่า เรียนรด.จบปี3แล้ว ไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร อาตมาก็ยังสงสัยเหตุผลอยู่ ไม่เกณฑ์แล้วจะเกิดอะไรตามมาเล่า..คิดว่าเรียนก็เรียน สนุกดีมีเพื่อนมากขึ้น พอไปเรียน รด. ได้ซึมซับ ชีวิตทหาร แต่ยังไม่ถึงกับออกสนามรบ สนามสงคราม
  
เรียน รด.ฝึกความอดทน ร่างกาย มีระเบียบวินัย รู้จักรับผิดชอบ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  
 ตอนอาตมาฝึก รด.ตั้งแต่ รด.ปี1ถึงปี5 ฝึกหนักหลายอย่าง ตามหลักสูตร วิชาทหาร ปีสุดท้าย ได้ฝึกเดินป่า ขึ้นเขาลงเขา ระยะทางมากว่า 50 กม. ภูเขามากกว่า4-5ลูก  อาตมามานั่งทบทวนอดีต ไม่รู้ผ่านมาได้อย่างไร เพราะแต่ละปี มีคนสูญเสียชีวิตในการฝึกทุกปี มาจนกระทั่งเรียนจบสูงสุด รด.ปีที่5 ติดยศ ว่าที่ ร้อยตรี ของกองทัพบก มากระทั่งทุกวันนี้

ประวัติการทำงานทางโลก

        และพอเรียนจบได้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนหลายแห่งที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่งานต่ำต้อยติดดิน เป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์รับส่งเอกสาร ท่ามกลางแดดร้อน ฝุ่น และ ควันพิษ คราคร่ำด้วยควันท่อพิษไอเสีย ของเมืองกรุงสมัยนั้น ซึ่งพอจบมา อาตมาไม่ได้ทำงานช่างตามเรียนมา นานหลายปี   และ  ก็กว่าจะได้งานตรงกับที่เรียนมา เปลี่ยนที่ทำงานมาเกือบ5แห่ง

    สุดท้ายทำงานที่บริษัทเครือ ซีพี ที่กรุงเทพฯและขณะเดียวกัน ได้สมัครอุดมการณ์ อาสาปลูกคุณธรรม กับ สภาชาวพุทธ โลกทิพย์ มีพอ.ปิยะพล  อจลพล เป็นประธานอบรมปฎิบัติธรรม จริยธรรมแก่สังคมชาวพุทธประเทศไทย ตามแนวทางพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นทั้งครูอาสาสอนพุทธศาสนาทางไปรษณีย์ และอบรมคอร์สปฎิบัติธรรมแก่สังคมทั่วไป ก่อนกลับบ้านเกิด เพราะรู้สึกอยากบวชพระอีก
  
    พอกลับบ้านถึงจังหวัดอุบลฯ เนื่องจากทางบ้าน คือน้องสาวส่งข่าว บิดาของอาตมาป่วยหนัก จวนเสียจวนไป และได้กลับมาดูแลบิดา จนกระทั่งบิดาจากไป ได้บวชเป็นเณรหน้าไฟ งานศพบิดา อุทิศบุญการบวชให้บิดาผู้ล่วงลับไป แล้วก็ลาสิกขาจากเณร
   พออยู่จังหวัดอุบลฯระยะหนึ่ง ยังไม่ได้บวชพระ แต่ใจอาตมายังคิดบวชพระอยู่ตลอดเวลา ได้ช่วยงานโยมแม่ทำงานค้าขายอาหาร ที่ตลาดหนองบัว และ ช่วยเลี้ยงวัว เลี้ยงเป็ด ไก่ และหมา ทางครอบครัว   บางครั้งอาตมาไปอาสาสมัครช่วยสังคมต่างๆกับ สมาคม รวมมิตรคิดทำ ของสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จ.อุบลฯ  ระยะหนึ่ง  และยังเป็นผู้บริจาคโลหิตประจำกับสภากาชาดไทย จ.อุบลฯ และ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งมีส่วนทำงานพัฒนาช่วยประเทศ แต่อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ลงสมัครผู้แทนแม้แต่ครั้งเดียว …..

 

บำเพ็ญบุญเป็นผ้าขาวอุบาสก พุทธมามกะที่ดีของพุทธศาสนา

 
 ขณะทำงานช่วยโยมแม่ และ อาสาทำงานช่วยสังคม เวลาเดียวกัน ก็บำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา เป็นพุทธมามกะ ศาสนาพุทธ เมื่อทางวัดประจำจังหวัด จัดงานปฎิบัติธรรมประจำปี คือ งานอาจาริยบูชา หลวงพ่อชา แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ ช่วงเดือน มกราคมของทุกปี อาตมา มักเข้าร่วมทุกปี ติดต่อกันเกือบ20กว่าปีแล้ว และ ที่วัดป่าขามใหญ่ พระอาจารย์สมภพ หลวงพ่อชิน อาตมาเดินทางมาบำเพ็ญบุญทุกปี และท่านสมณะโพธิรักษ์แห่งบ้านราชธานีอโศก จ.อุบลฯ ได้รู้ความจริงเรื่องบาปบุญ เจริญธรรมในพระพุทธศาสนามากๆขึ้น......

แนวทางธรรม
   
    ท่านผู้อ่านที่เคารพ อย่างที่ได้กราบเรียนไว้แต่แรกแล้วว่า อาตมาสัน เทศน์ไม่ค่อยเป็น แม้แต่คำสวดมนต์พิธีบางมนต์ ยังสวดไม่ได้เลย..และเขียนหนังสือไม่เก่ง แทบทุกอย่าง อาตมา ไม่เก่งเลย  แต่ถ้าพอฝึกหัดทำวิชาหลายๆอย่าง อาตมาก็พอทำได้ แต่ว่าใครอยากได้ธรรมะ  ไปฝึกหัดปฎิบัติตนให้มีความสุขทางธรรม ก็ถามอาตมาได้  เพราะอาตมามุ่งเน้นปฎิบัติภาวนาละกิเลสโดยตรง  ท่านผู้อ่านที่สนใจในธรรม   ย่อมไม่ผิดหวังหรอก
   

   อาตมา เคยอยู่กับครูบาอาจารย์มาหลายรูป เคยฝึกหัดกัมมัฎฐาน  มานานแต่ละรูปก็เป็นนักภาวนาทั้งนั้น เมื่อครั้งอาตมา ทำงานบริษัท ที่กรุงเทพฯ เคยฝึกปฎิบัติธรรมกับพระอาจารย์มหาถาวร วัดปทุมวนาราม ฝึกมโนมยิทธิ กับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี  แม้กระทั่งสายวัด หลวงพ่อสด วิชชาธรรมกายเป็นต้น 

    ท่านบอกแนวทางธรรม คือ ทาน ศีล ภาวนา ตามหลักไตรสิกขา ปฎิบัติให้มากรู้จริงมาก บางครั้งอาจเกิดฤทธิ์อภิญญา ได้ทิพย์ตาทิพย์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการปฎิบัติธรรมเมื่อได้ญาณซึ่งทำได้เป็นบางคนถ้ามีบุญเก่า    เคยฝึกมาก่อน่อดีตชาติ    เพราะคนชาวโลกทุกคน ไม่ได้เกิดเป็นตายแค่ครั้งเดียว     แต่เกิดหลายครั้ง..
  
    ครูบาอาจารย์ที่ไปอยู่ด้วยหรือ ได้ฟังเทปธรรมะของท่านก็มีแนวทางให้รู้อริยสัจจ4 รู้ทุกข์รู้ดับทุกข์ที่มีจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน ทั้งสิ้น ให้พูดน้อย ๆหรือ ไม่พูดเลย บางองค์เป็นเดือนจึงมีโอกาสพูดกันได้  เอาแต่มองหน้ากัน และยิ้มน้อยๆให้กัน    นำคำสอนไปปฎิบัติ เวลาทั้งหมดส่วนใหญ่หมดไปเพราะฟังเทศน์และการภาวนา
    
  คงป็นเหตุนี้เอง  ที่อาตมาอาจจะไม่สามารถเทศน์หรือสวดมนต์ยาวๆให้ใครฟังได้  ถ้ามีใครมานิมนต์ให้แสดงธรรมโอ้โฮ้  ทำท่าจะปวดหัวเป็นไข้ คงจะหายใจวาย สั่นรัว ทำท่าจะตายเอาดื้อๆ อาตมาไม่ค่อยเป็นเลย
      อาตมามักอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ปฎิบัติภาวนาล้วนๆอาตมาเป็นทางภาวนาอย่างเดียว อาจสอนคนอื่นให้รู้ตามความจริงไม่ได้   ครูบาอาจารย์ที่ไม่พูดก็มี ที่พูดเก่งก็มี สวดมนต์เก่งก็มี สวดมนต์ไม่เก่งก็มี และเป็นนักเขียนหนังสือไม่เก่ง แทบทุกอย่าง อาตมา ไม่เก่งเลย  แต่ถ้าพอฝึกหัดทำวิชาหลายๆอย่าง อาตมาก็พอทำได้ ขึ้นอยู่กับบุญเก่า บารมีเก่า ดังนั้นขอให้ท่านผู้อ่านโปรดแยกแยะให้ดีให้ถูกต้อง.


  อยู่สบายถ้าใจรับ  ดับไฟบาปกิเลสเป็น
  
    อาตมาสัน บวชพระครั้งแรกเมื่อปี2537 เนื่องจากลางานจากบริษัท ที่กรุงเทพฯ สายธรรมยุติ จึงได้รู้วัฒนธรรม พระป่าครั้งแรก สายวัตรปฎิปทา หลวงปู่มั่นภูริ ทัตโต นุ่งห่มจีวรสีแก่นขนุน ฉันอาหารมื้อเดียว นอกนั้นตอนเย็น ฉันเพียงน้ำปานะ พร้อมกันนั้นเรียนจบนักธรรมตรี ของมหาเถรสมาคม จบแล้วปฎิบัติธรรม มีความสุขเย็น สงบสุขพอสมควร เหมือนชีวิตหลุดโลกนี้ ไปอยู่อีกโลกหน้ายั้งงั้น
   
   คนไม่เคยบวชพระเป็นอย่างไร อาตมาก็ไม่สามารถบอกได้เป็นอย่างไร เหมือนคนอยากเป็นปลา ต้องเป็นปลาก่อนจึงรู้ได้ อยู่ในน้ำเย็นๆมีความสุขอย่างไร ต้องปฎิบัติศีล ภาวนาได้   จึงจะมีความสุขสำเร็จได้  ทำไม่ได้  ก็เกิดทุกข์ให้ไฟบาปกิเลสเผารน  อยู่ทุกเวลาเท่านั้นเอง เพราะทำผิดศีลทุกเวลา เกิดมาต้องเรียนรู้ศีล เรื่องบาปเรื่องบาปกิเลส และดับไฟบาปกิเลสเป็น ใจจึงจะเป็นสุขตลอดเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น