วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เชิญชาวพุทธทำงานถวายงานพระพุทธเจ้า






                                           อาตมาสละแรงงานบุญขึ้นไปฉาบปูนเองบนที่สูงมากเสี่ยงตายอันตรายทุกวินาที
โดยไม่ได้รับค่าเงินจ้างรางวัล  แต่ทำงานเป็นบุญ


                 ที่อาตมา เชิญชาวพุทธทำงานถวายพระพุทธเจ้า เป็นเพาะว่า ตามที่อาตมาได้เดินทางจาริกธรรมไปที่วัดภูพลานสูง อ.นาจะหลวย จ.อุบลฯ
 ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ 
 แต่อาตมาทำโดยความตั้งใจที่จะเกิดขึ้น


พระวัดภูพลานสูงกำลังก่อสร้างพระประธาน
        เพื่อสร้างกรรมดีเพื่อลดกรรมไม่ดี            




  เพราะหลวงพ่อภรังสี เจ้าอาวาส เคยเดินทางมาเทศน์ที่วัดป่าขามใหญ่ อาตมาตอนนั้นเป็นโยมชาวบ้านประชาชนธรรมดา ยังไม่ได้บวชเป็นพระ กล่าวเมื่อหลายปีก่อน  อาตมาจำ พศ.ไม่ได้ ถ้ามีโอกาสมาบำเพ็ญบุญกริยาวัตถุ 10 ที่วัดภูพลานสูง ก็ควรมาทำ......


 ตั้งแต่การให้ ทาน มีศีล  ภาวนา สละแรงงานแรงกายยิ่งได้บุญหนักบุญแรง
           เพราะบุญกุศลที่ทำงานถวายพุทธเจ้าเป็นการลดบาปกรรมวิบาก ตั้งแต่กรรมบาดเจ็บเล็กน้อย ขั้นเบา ขั้นกลาง และ บางทีอาจขั้นรุนแรงถึงอาจถึงชีวิต ถ้าเกิดกรรมหนัก


วิหารครอบโลหิตธาตุ พระเขี้ยวแก้ว ข้อพระหัตถ์ขวาพุทธเจ้า
และอรหันต์สาวก ที่ยังไม่แล้วเสร็จ






อาตมาจึงได้โอกาสมาวัดนี้ตั้งแต่ 7-17พค.55 หลวงพ่อเจ้าอาวาสบอกว่า การบำเพ็ญบุญ เป็นการช่วยลดแรงวิบากกรรมลง จากหนักเป็นเบา จากเบาก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย จนกระทั่งชีวิตมีแต่ความสุขมั่งคงการงานดีไม่ทุกข์ร้อน
อาตมาเริ่มทำตั้งแต่ ทำวัตร ทาน ปฎิบัติศีล ภาวนา ทำทุกอย่างที่เกิดบุญติดตัว


 บุญคือความสุขช่วยลดบาป
แม้กระนั้น กรรมยังอุบัติขึ้นกับอาตมา โดยขณะที่ช่างวัดซ้อนมอเตอร์ไซด์ขึ้นเขา มอไซด์ล้ม ทำให้หัวเข่าอาตมาเป็นแผล เข่าปวดบวม  เดินไม่ได้ตั้งหลายวัน เกิดทุกข์เวทนาเป็นอันมาก  อาตมารู้ด้วยจิตใต้สำนึก วิญญาณกบ ที่อาตมาก่อนบวชเคยหักขากบ  มาทวงหนี้กรรม





รอยพระบาทพุทธเจ้าประทับรอยไว้บนภูพลานสูง เชิญชาวพุทธ
เดินทางกราบนมัสการเพื่อเป็นสิริมงคลชีวิตกับตนเองได้ทุกวัน




พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทนี้ไว้ ในคราวที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ ๕๐ พรรษา ก่อนปรินิพพาน ๓๐ ปี พระพุทธองค์ได้เสด็จมาพร้อมเหล่าพระสาวก ผู้ติดตามมี พระมหากัสสปะเถระ พระสิวลี และพระอานนท์

           เพื่อจะแสดงธรรมโปรดพระมหาเทวจักร กิตฺติโก ผู้เป็นประธานสงฆ์ในเขตสุวรรณภูมิประเทศ เพราะพระองค์ทรงทราบด้วยพระสัพพัญญุตตญาณว่า ในภายภาคหน้า พระมหาเทวจักร กิตฺติโก จะเป็นผู้รองรับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว พระมหาเทวจักร กิตฺติโกได้บรรลุเป็นอรหันต์

           จากนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับรอยพระบาทไว้ที่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และได้ทรงประทักษิณ (เวียนขวา) สามรอบ พระสิวลี ได้นิมนต์พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทลงมวลสารดิน ที่พระมหากัสสปะได้นำมาจากประเทศอินเดีย และจัดหาแร่ ๓ ชนิดนำมาผสมกัน แล้วนำวางไว้บนแผ่นหิน ให้พระพุทธองค์ทรงประทับรอยไว้




                               อาตมาสัน กำลังสัมผัส รอยพระหัตถ์อฐิษฐานเพื่อความสุขความสำร็จสมหวัง
                                                                     (รอยมือพุทธเจ้าตรงที่ประทับไว้บนหน้าผา)
                           ซึ่งสถานที่เดินทางไปทางใต้ของวัด  ริมหน้าผาข้างล่าง ราว 2.5 กม. มีพระประธานปางนาคปรก
                                                              ประดิษฐานอยู่ไว้ให้ชาวพุทธรกราบนมัสการ




                         พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า แม้เราจะปรินิพพานแล้ว แต่เรายังไม่ได้ทอดทิ้งสาวกไปไหน บุญบารมีของเราจะมาอุบัติขึ้น ณ ที่ตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง ในกึ่งพุทธกาลค่อนพุทธันดร พ.ศ. ๒๕๕๐ แล้วมอบรอยพระพุทธองค์ ให้แก่พระมหาเทวจักร กิตฺติโก
เก็บรักษาไว้ภายภาคหน้านั้นจะได้บูชา


         ผู้เกิดในภพหน้าปรารถนาจึงได้เห็น พระพุทธศาสนาจะมาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้ จะมีผู้มีบุญบารมีมาค้นพบ และประกาศศาสนธรรมของพระองค์ ต่อมาพระครูธรรมธรภรังสี ฉนฺทโร ได้ค้นพบได้แสดงปาฎิหาริย์ให้เห็น จึงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น